วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อ้างอิง

อ้างอิง
ข้อมูลเรื่องวิธีการทำโครงงานและการเผยแพร่ข้อมูล
- อาจารย์ ศิริพร วีระชัยรัตนา (ครูผู้สอนวิชาคอมพิวเตอร์)
ข้อมูลเรื่องการทำบั้งไฟแบบพื้นบ้าน
- นายบุญเลิส จุปมัจถา

สรุปผลการดำเนินงาน

สรุปผลการดำเนินงาน
การดำเนินโครงงานเรื่อง สืบสานวิธีการทำบั้งไฟ เพื่อสืบสานประเภณีและศิลปะวัฒนธรรมไทยอันเก่าแก่เอาไว้ไม่ให้สูญหายและเป็นการศึกษาวิธีการทำบั้งไฟเพื่อมาเผยแพร่ให้เยวชนคนรุ่นหลังได้มาศึกษาและได้สืบสานต่อ มีความสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ด้วยควาร่วมมือจากเพื่อนๆทุกคนเป็นอย่างดีและยังได้มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ blogger อันเป็นที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว



แผนการปฏิบัติงาน

แผนการปฏิบัติงาน
ว/ด/ป/ 20พ.ย.52
ระยะเวลา (1วัน)
รายการปฏิบัติงาน ไปสัมภาษณ์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการทำบั้งไฟ
สถานที่ บ้านหลุ่งประดู่
ผู้รับผิดชอบ นาย ชาญวิช
หมายเหตุ ถ่ายภาพการให้สัมภาษณ์

ว/ด/ป/ 25พ.ย.52
ระยะเวลา (1วัน)
รายการปฏิบัติงาน รวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมและศึษาข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์
สถานที่ โรงเรียน
ผู้รับผิดชอบ นาย ชาญวิช
หมายเหตุ


ว/ด/ป/ 26พ.ย.52
ระยะเวลา (1วัน)
รายการปฏิบัติงาน ดำเนินการทำบั้งไฟตามขั้นตอน
สถานที่ บ้านหลุ่งประดู่
ผู้รับผิดชอบ นายชาญวิช
นายเทพพิทักษ์
นาย วิเชียร
นาย พันธวัฒน์
นาย อนุรักษณ์
หมายเหตุ ถ่ายภาพขั้นตอนการทำบั้งไฟ

ว/ด/ป/ 7,14,21 ธ.ค.52
ระยะเวลา (3วัน)
รายการปฏิบัติงาน ทำงานในคาบเรียนโดยใส่ข้อมูลลงในเว็บ BLOGGER
สถานที่ บ้านหลุ่งประดู่
ผู้รับผิดชอบ นาย ชาญวิช
พันธวัฒน์
นาย เทพพิทักษณ์
หมายเหตุ
ว/ด/ป/ 7 ม.ค.53
ระยะเวลา (1วัน)
รายการปฏิบัติงาน ทำเป็นรูปเล่มรายงาน
สถานที่ โรงเรียน
ผู้รับผิดชอบ นาย ชาญวิช
นาย เทพพิทักษ์
หมายเหตุ
ว/ด/ป/ 13ม.ค.53
ระยะเวลา (1วัน)
รายการปฏิบัติงาน สรุปผลและรายงาน
สถานที่ โรงเรียน
ผู้รับผิดชอบ นาย ชาญวิช
นาย เทพพิทักษ์
นาย วิเชียร
นาย พันธวัฒน์
นาย อนุรักษณ์
หมายเหตุ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 50 บาท


ข้อควรระวัง

ข้อควรระวัง
ข้อควรระวังในการทำบั้งไฟ
1.การทำบั้งไฟต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างสูงเพราะดินปืนคือตัวทำให้เกิดการลุกไหม้
2.ห้ามจุดไฟใกล้ดินปืน
3.การทำบั้งไฟควรอยู่ในการควบคุมของผู้ใหญ่

ข้อควรระวังในการจุดชนวน
1.เวลาจุดให้จุดในที่แจ้งและโล่งกว้างเท่านั้น
2.การจุดบั้งไฟควรใช้สายไฟยาวอย่างน้อย ประมาณ 15 เมตร
3.การจุดบั้งไฟควรตรวจดูความเรียบร้อยว่ามีผู้ใดอยู่ใกล้บั้งไฟหรือไม่ และดูว่าทิศทางการเคลื่อนที่ของบั้งไฟตั้งฉากกับพื้นหรือไม่
4.หากจุดชนวนแล้วบั้งไฟไม่มีปฎิกิริยาไม่ควรเข้าไปจับหรือทำการใดๆเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ควรรออย่างช้า 1 นาทีค่อยเข้าไปดู

วัสดุอุปกรณ์และวิธีดำเนินงาน

วัสดุอุปกรณ์และวิธีดำเนินงาน
วัสดุอุปกรณ์การทำบั้งไฟ
1. กำมะถัน
2. ดินประสิว

3. ถ่าน (ไม้ฉำฉา) 4. ท่อ pvc ขนาด 1นิ้ว

5. ครกและสาก

6. เลื่อยขนาดเล็ก

7. เทปกาวสีดำ
8.ดิน
9. เหล็กที่ใช้เจาะ
10. ไม้ไผ่สำหรับทำหาง
11. อื่นๆ

วัสดุอุปกรณ์ในการจุดชนวน
1. แบดเตอรี่
2. สายไฟ
3. สายไฟขนาดเล็ก
4. ดินปืน
5. ถุงพลาสติก
6. สก็อตไบร์



ขั้นตอนการทำบั้งไฟ
1. ตำถ่าให้ละเอียด
1) ตำดินประสิวให้ละเอียด
2) ร่อนถ่านและดินประสิวให้ได้ผงที่ละเอียด

-ถ่านที่ร่อนแล้ว
-ดินประสิวที่ร่อนแล้ว

3) ตวงด้วยสูตร 2/1 ถ่าน 2ส่วน ดินประสิว 1ส่วน
4) ผสมให้เข้ากันแล้วนำกำมะถันมาขูดใส่ลงในครกตำให้เข้ากันกับถ่านและดินประสิว จนได้ดินปืนที่ดี
5) ตัดท่อให้ได้ตามขนาดที่ต้องการ

6) ใช้ไฟลนที่ปลายท่อแล้วบีบปลายท่อให้เข้าหากัน แล้วใช้พลาสติกสีขาวที่อยู่ข้างในฝา M150 ปาดให้ใส่เข้าท่อได้พอดีเพื่อปิดด้านหัวของบั้งไฟไว้
7) อัดดินเหนียวเข้าที่ส่วนหัวของท่อแล้วอัดดินปืนใส่ลงในท่อให้แน่นจนเต็มท่อ
8) นำไม้ที่มีคุณสมบัติแข็งเหลาให้สอดใส่ท่อได้พอดีเพื่อปิดท้ายส่วนของบั้งไฟ
9) ใช้ไฟลนที่ก้นท่อแล้วบีบก้นท่อให้เข้าหากันเหมือนปลายท่อ
10) เจาะที่ก้นของบั้งไฟให้ได้ประมาณ 1/4 ของตัวบั้งไฟ

11) นำไม้ไผ่ที่เหลาไว้เรียบร้อยแล้วมามัดเข้ากับตัวบั้งไฟโดยใช้เทปกาวสีดำพันให้แน่น


ขั้นตอนตอนการทำอุปกรณ์ในการจุด
1) นำลวดสก็อตไบร์ 1 เส้น มัดเข้ากับสายไฟขนาดเล็กทั้งสองเส้น
2) ฉีกถุงพลาสติกเป็นชิ้นเล็กๆ 1 ชิ้นใส่ดินปืนลงในถุงพลาสติกที่เป็นชิ้นเล็กๆแล้ววางสายไฟที่ได้มัดลวดสก๊อตไบร์ลงไปพับถุงพลาสติกเป็นให้เล็กที่สุด (ห้ามให้สายไฟช็อดกัน)
3) ยัดชนวนเข้าไปในส่วนท้ายของบั้งไฟที่เราได้เจาะไว้ (ยัดเข้าไปให้แน่น) ขั้นตอนการจุด
1) ต่อสายไฟกับสายไฟขนาดเล็กที่ตัวบั้งไฟ แล้วมัดบั้งไฟให้หลวมๆ


2) ต่อสายไฟออกห่างจากตัวบั้งไฟให้ยาวอย่างน้อย 15 เมตร
3) เมื่อต้องการจุดให้จิ้มสายไฟลงไปที่ขั้วของแบตเตอรี่ทั้งสองขั้ว

ผู้ให้ข้มูล

ผู้ให้ข้มูล
นาย บุญเลิศ จุปมัจถา อายุ 58 ปี ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 46หมู่ 1บ้านหลุ่งประดู่ ตำบลหลุ่งประดู่ อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราสีมา นายบุญเลิศ จุปมัจถาคือผู้ที่เคยทำบั้งไฟมาก่อนแต่ปัจจุบันได้เลิกทำแล้ว กลุ่มของเราจึงได้มาสอบถามความรู้เกี่ยวกับวิธีการทำบั้งไฟเพื่อไปเผยแพร่ให้เยาวชนคนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อ
ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์มีใจความดังนี้
การทำบั้งไฟต้องคำนึงถึงความระมัดระวังเป็นอย่างมากเพราะการทำบั้งไฟอาจทำให้เกิดอันตรายต่อตนเองและผู้อื่นได้
การทำบั้งไฟให้เอาไม้ฉำฉาที่แห้งมาเผาทำเป็นถ่านแล้วนำไปตำให้ละเอียดแล้วเอาไปร่อนจนเป็นผงที่ละเอียดและตำดินประสิวไปตำให้ละเอียดแล้วเอาไปร่อนให้ละเอียดเช่นกัน พอได้ถ่านและดินประสิวที่ละเอียดแล้วก็นำไปตวงเพื่อที่จะนำมาผสมกัน ให้ตวงด้วยอัตราส่วน 1/2 คือ ถ่าน 2 ส่วนดินประสิว 1 ส่วน จากนั้นเทรวมกันแล้วคนให้เข้ากันนำไปตำในครกอีกครั้งหนึ่งแล้วขูดกำมะถันให้เป็นผงเล็กๆลงไปในครกแล้วตำให้เข้ากันจนได้ดินปืนที่ดี จากนั้นนำไปอัดเข้ากับท่อที่เตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้วอัดดินปืนลงไปให้แน่นแล้วเหลาไม้ให้เข้ากับท่อได้พอดีปิดท้ายบั้งไฟไว้จากนั้นจะข้าที่ส่วนท้ายของบั้งไฟให้เข้าไปประมาณ 1/4 ของบั้งไฟ พอเจาะเสร็จแล้วให้นำไปมัดเข้ากับหางที่เหลาไว้เรียบร้อยแล้วใช้เทปกาวสีดำพันให้แน่นเป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการทำบั้งไฟ

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ความรู้เกี่ยวกับการทำบั้งไฟแบบพื้นบ้าน
การทำบั้งไฟ คือ การนำดินประสิวและถ่านมาตำให้ละเอียดและร่อนให้ได้ผงที่ละเอียด แล้วนำดินประสิวและถ่านที่ละเอียดแล้วมาผสมด้วยอัตราส่วนที่เมาะสม ใส่กำมะถันลงไปเล็กน้อย แล้วนำไปตำในครกอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ดินประสิวและกำมะถันเข้ากันได้ดี เมื่อทดสอบว่าดินปืนที่ได้ทำนั้นดีมากพอสม ควรแล้ว จึงทำการอัดดินปืนลงในท่อที่เตรียมพร้อมไว้อัดดินปืนให้แน่นอนพอสมควร และใช้ไม้ปิดก้นเอาไว้ให้แน่น และเจาะด้านที่ใช้ไม้ปิดไว้เข้าประมาณ1/4 ของบั้งไฟมัดหาวเข้ากับตัวบั้งไฟโดยใช้เทปกาวพันให้แน่น
ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของบั้งไฟ
บุญบั้งไฟ หรือ ประเพณีบุญบั้งไฟมีมาตั้งแต่โบราณในการทำพิธีบุญบั้งไฟบ้านหลุ่งประดู่ จะมีการเลี้ยงศาลตาปู่ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือและเชื่อว่าเป็นสิ่งที่มีความศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองหมู่บ้านหลุ่งประดู่แห่งนี้ และในการทำพิธีบุญบั้งไฟจะมีการจุดบั้งไฟด้วย เพราะชาวบ้านเชื่อว่าการจุดบั้งไฟเป็นการบอกหรือส่งสัญญาณให้ท่านพระอินทร์และเทวดาได้รูว่าเราต้องการฝนเพื่อใช้ในการบริโภคและการเกษตรเพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ และปัจจุบันนี้ยังมีประเพณีบุญบั้งไฟอยู่ การทำพิธีบุญบั้งไฟจะกระทำเมื่อเดือน 6 คือเดือน มิถุนายนของทุกปี ต้นกำเนิดของประเพณีบุญบั้งไฟคนส่วนใหญ่เล่าว่ามาจากจังหวัด ยโสธร ซึ่งจังหวัดยโสธรได้ชื่อว่าเป็นเมืองบั้งไฟล้าน

นิยามศัพท์
การทำบั้งไฟแบบพื้นบ้าน คือ การนำถ่านและดินประสิวมาผสมกันใส่กำมะถันลงไปเล็กน้อย ตำให้เข้ากันอัดลงในท่อให้แน่นแล้วมัดหางเข้าไป

กิตติกรรมประกาศ

กิตติกรรมประกาศ
ครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง สืบสานวิธีการทำบั้งไฟ ได้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีด้วยความอนุเคราะห์จากอาจารย์ ศิริพร วีระชัยรัตนา ที่สอนทักษะกระบวนการในการทำโครงงานและการนำเสนอโครงงานด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
ขอกราบขอบพระคุณ คุณพ่อบุญเลิศ จุปมัจถา ที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการทำบั้งไฟแบบชาวบ้าน ขอกราบพระคุณ นายโสภณ สุรโยธี ผู้อำนวยการสถานศึกษา นายสุทธิพงษ์ เลิศวิลัย นายสุพจน์ โพธิ์บุตรดี นายสมภพ อมรดิษฐ์ นายรัฐพล จันทร์แก้ว รองผู้อำนวยการสถานศึกษา

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ
เนื่องจากบ้านหลุ่งประดู่ ตำบลหลุ่งประดู่ อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราสีมา มีการทำบั้งไฟขึ้นเพื่อใช้จุดในพิธีบุญบึ้งไฟ แต่เนื่องจากว่าปัจจุบันนี้การทำบั้งไฟได้ค่อยๆสูญหายไปจากท้องถิ่น ซึ่งทำให้ต้องเสียเงินไปซื้อบั้งไฟมาจุดในพิธีบุญบั้งไฟ ทางคณะผู้จัดทำจึงคิดสืบสานวิธีการทำบั้งไฟจากคนในหมู่บ้านที่มีความเชียวชาญด้านการทำบั้งไฟไว้ไม่ให้สูญหาย และเผยแพร่ต่อเยาวชนคนรุ่นหลังได้อนุรักษณ์และสืบสานวิธีการทำบั้งไฟต่อไป

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

การประเมินโครงงาน

การประเมินโครงงาน
มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ งานกลุ่มมีประโยชน์มีความเป็นจริง ความถูกต้องเนื้อหามีการศึกษาและลงมือปฎิบัติอย่างถูกต้องและมีแหล่งข้อมูล

อภิปราย ประโยชน์ ข้อเสนอแนะ

อภิปราย ประโยชน์ ข้อเสนอแนะ
กาทำบั้งไฟเป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมที่เก่าแก่ไว้ไม่ให้สูญหาย และยังเป็นการเรียนรู้วิธีการทำบั้งไฟจากคนรุ่นเก่าเพื่อสืบสานเผยแพร่ให้คนรุ่นหลังได้สืบทอดต่อไป

วิธีดำเนินการศึกษาการทำบั้งไฟ

วิธีดำเนินการศึกษาการทำบั้งไฟ
โดยการสอบถามข้อมูล จากนายบุญเลิศ จุปมัจถา ณ บ้านหลุ่งประดู่ แล้วรวบรวมข้อมูลและขั้นตอนในการทำบั้งไฟ จากนั้นทดลองทำบั้งไฟตามขั้นตอนที่ได้ศึกษามาและสุดท้ายนำข้อมูลลงในเว็บ blogger

ที่มาและความสำคัญของโครงงาน

ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
บ้านหลุ่งประดู่เป็นหมู่บ้านหนึ่งที่มีประเพณีบุญบั้งไฟสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณแต่ขณะนี้การทำบั้งไฟที่ใช้ในการประกอบพิธีบุญบั้งไฟกำลังจะเลือนหายไปเนื่องจากไม่มีการเผยแพร่ให้คนรุ่นหลังได้รับรู้วิธีการทำบั้งไฟวิธีการทำบั้งไฟจึงค่อยๆเลือนหายไป กลุ่มของกระผมจึงศึกษาหาข้อมูลในภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อมาเผยแผ่ให้ผู้คนทั่วไป ได้รับรู้ภูมิปัญญาและประเพณีของชาวบ้าน ซึ่งการทำบั้งไฟ ได้คำแนะนำจาก นาย บุญเลิศ จุปมัจถา และเป็นการศึกษาข้อมูลที่นอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียน ทำให้ผู้ศึกษาได้รับความรู้ไปด้วย

จุดประสงค์

จุดประสงค์
1. เพื่ออนุรักษ์และสืบสานศิลปวัฒนธรรมที่เก่าแก่ของชาติไว้มาให้สูญหาย
2. เพื่อศึกษาวิธีการทำบั้งไฟจากคนรุ่นเก่า
3. เพื่อเผยแพร่ภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวบ้าน
4. เพื่อเผยแพร่ข้อมูลและวิธีการทำบั้งไฟต่อผู้ที่สนใจ

สืบสานวิธีการทำบั้งไฟ

ชื่อเรื่อง สีบสานวิธีการทำบั้งไฟ
ผู้เสนอโครงงาน
นาย ชาญวิช ปินะทาโน ม.4/2 เลขที่ 14
นาย พันธวัฒน์ กมลสุวิชาญ ม.4/2 เลขที่ 15
นาย เทพพิทักษ์ คำมะเริง ม.4/2 เลขที่ 31
นาย อนุรักษ์ รักพินิจ ม.4/2 เลขที่ 32
นาย วิเชียร เครือผือ ม.4/2 เลขที่ 33
อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
คุณครู ศิริพร วีระชัยรัตนา
ข้อมูลของภูมิปัญญาท้องถิ่นที่จะศึกษา
วิธีการทำบั้งไฟแบบพื้นบ้าน